วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log 7 (นอกห้องเรียน)

Learning log 7
(นอกห้องเรียน)
                ปัจจุบันการเรียนภาษาอังกฤษมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก มนุษย์ชาติทุกวันนี้สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันโดยตรง การใช้อินเทอร์เน็ต การดูทีวี การดูภาพยนตร์ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หนังสือคู่มือทางด้านวิชาการต่างๆ ฯลฯ บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาออกมาในปัจจุบันถ้าทีความรู้ภาษาอังกฤษทั้งพูดและเขียนเสริมเข้าไปอีก โอกาสที่จะหางานทำก็จะไม่จำกัดแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ถ้าหากเราคือคนหนึ่งที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะได้สิทธิพิเศษที่เหนือกว่าคนอื่นที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่ก่อนที่เราจะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้นั้นนอกจากจะเรียนในชั้นเรียนแล้ว เราต้องฝึกฝนทักษะด้านต่างๆอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย เพื่อพัฒนาทักษะด้านภาษาให้ดียิ่งขึ้น
            ทักษะที่สำคัญอันดับแรกสำหรับการเรียนภาษาคือทักษะการฟัง สำหรับวิธีที่จะใช้ในการฝึกทักษะการฟังนั้นสามารถทำได้หลายวิธีการด้วยกัน สิ่งสำคัญที่ต้องมีการพัฒนาทักษะการฟังเพื่อรับรู้สารได้อย่างถูกต้อง หากใครที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเมื่อใดที่ภาษาเปลี่ยนจากภาษาเขียนเป็นภาษาพูดแล้วนั้น จะมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงของผู้พูดที่แตกต่างกัน การรวบคำให้กระชับ ประโยคแสลง และปัจจัยอีกมากมายที่ทำให้การฟังยุ่งยากขึ้น แต่ปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยการฝึกฝนการฟัง ฝึกฟังจากเรื่องง่ายไปหาเรื่องยาก ควรเริ่มฝึกจากการฟังอะไรสั้นๆ ง่ายๆ ที่เขาพูดช้าๆ เน้นการฟังสำเนียงที่ถูกต้อง ฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป

            สำหรับวิธีที่ดิฉันใช้ในการฝึกนั้นคือการฟังเพลง Love me like you do เหตุผลที่เลือกเพลงนี้คือเพลงนี้จะร้องเพลงแบบซ้ำๆ และเนื้อเพลงของเพลงนี้มีศัพท์ค่อนข้างง่าย ทำให้ง่ายต่อการจับใจความสำคัญของเพลง ขั้นตอนแรกจะฟังเพลงรวดเดียวจบ โดยปราศจากเนื้อเพลงใดๆทั้งสิ้น จากนั้นฟังซ้ำอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มเติม ในขั้นตอนนี้ดิฉันก็ได้รายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับเพลง มันจะเกี่ยวกับความรักที่บอกให้รักฉันในแบบที่เธอเป็น สัมผัสฉันในแบบที่เธอชอบทำ สัมผัสฉันในแบบที่เธอเป็น รายละเอียดที่ได้ได้จากท่อนกลางของเพลง เนื่องจากเป็นท่อนที่ซ้ำๆทำให้ฟังง่าย จากนั้นก็ฟังและหยุดเพลงทุกๆ5วินาที ขณะที่หยุดนั้นดิฉันจะเขียนคำหรือประโยคที่ได้ยินให้ได้มากที่สุด เมื่อฟังเพลงจบและหลังจากที่เขียนเนื้อเพลงแบบคร่าวๆได้แล้ว ดิฉันก็อ่านเพื่อจับประเด็นว่าเพลงที่ฟังต้องการสื่อถึงอะไร หลังจากนั้นก็เปิดเพลงอีกครั้งแล้วทำเหมือนเดิมคือฟังได้5วินาทีก็หยุดเพลง แล้วจดคำหรือแก้ไขคำที่ผิดหรือประโยคที่ผิดจากการเขียนครั้งแรก หลังจากนั้นนำคำที่ได้หรือวลีที่ได้มาปะติดปะต่อกันโดยใช้ความรู้ทางไวยากรณ์ที่มีอยู่ พยายามทำให้ได้ประโยคที่ถูกต้องและได้ใจความสมบูรณ์ที่สุด ต่อไปดิฉันก็เปิดเนื้อเพลงเพื่อตรวจสอบว่าข้อความที่ดิฉันได้เหมือนหรือต่าง ผิดหรือถูกจากเนื้อเพลงต้นฉบับ จึงพบว่าเนื้อเพลงที่ดิฉันเป็นผู้เขียนนั้นมีส่วนที่ผิดพอสมควร เนื่องจากดิฉันเป็นคนที่อ่อนด้านคำศัพท์อยู่มาก แล้วยังมีปัญหาเกี่ยวกับการอ่านเชื่อมคำอีก ทำให้ดิฉันเขียนเนื้อเพลงได้ไม่สมบูรณ์มากนัก แต่ถึงอย่างไรก็ตามเนื้อเพลงที่ดิฉันได้เขียนนั้นก็พอที่จะจับใจความสำคัญได้อยู่พอสมควร แล้วก็ถึงขั้นตอนสุดท้ายนั้นคือการฟังเพลงพร้อมกับเนื้อเพลง ดิฉันพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเพลง
            เนื้อหาของเพลงจะเกี่ยวกับความรัก ซึ่งมีความว่าเธอเปรียบเสมือนแสงไฟ เธอคือยามราตรี เธอคือสีสันแก่เส้นเลือดของฉัน  สำหรับเนื้อหาที่สำคัญในเพลงนี้คือการให้คนรักรักเราในแบบที่เขาเป็น สัมผัสเราในแบบที่เขาชอบ และสัมผัสเราในแบบที่เขาเป็น การฟังเพลงในครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังของตนเองเป็นอย่างมาก ทำให้ดิฉันสามารถเข้าใจและจับประเด็นใจความสำคัญของเพลงได้ นอกจากนี้ดิฉันยังสามารถนำประโยคที่ใช้ในเพลงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย และยังได้สำเนียงที่ใช้ในการพูดอีกด้วย ส่วนประโยชน์อีกประการหนึ่งที่ได้คือคำศัพท์ และเข้าใจความหมายของคำศัพท์เหล่านั้นได้โดยไม่ต้องท่อง ซึ่งถือเป็นการจำที่ดี เพราะมันจะยั่งยืนกว่าการท่อง

            การศึกษาภาษาอังกฤษไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากแต่มันก็ไม่ได้ง่าย เราต้องมีทักษะพอสมควรที่ต้องใช้ในการศึกษา หากเราอ่อนทักษะในด้านใด เราต้องต้นหากิจกรรมเพื่อส่งเสริมสร้างทักษะทั้ง4ด้านให้ดียิ่งขึ้น และทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาภาษาอังกฤษนั้นคือทักษะการฟัง เนื่องจากหากเราฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง เราก็จะสามารถพูด อ่าน หรือเขียนได้อย่างแน่นอน สำหรับวิธีที่จะใช้ในการฝึกทักษะการฟังนั้น สามารถทำได้หลายวิธี หากเป็นวิธีที่เราชอบเช่นการฟังเพลง มันจะยิ่งช่วยกระตุ้นให้เราอยากฝึกฝน และทำให้เราสามารถเข้าใจในสิ่งที่ฟังได้ง่ายยิ่งขึ้น การฟังเพลงถือเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในการฝึกทักษะการฟัง เนื่องจากเป็นกิจวัตรที่ทุกคนมักจะทำกัน การฟังเพลงจะเป็นการศึกษาที่มีความบันเทิงอยู่ด้วยทำให้ดิฉันไม่รู้สึกเครียดหรือกังวลแต่อย่างใด และเมื่อเราฝึกทักษะการฟังด้วยการฟังเพลงแล้วนั้นจะทำให้เราได้รับประโยชน์หลากหลาย มิใช่แค่เข้าใจความหมายของคำศัพท์อย่างเดียว ยังทำให้เรามีสำเนียงที่ดีขึ้นอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น