Learning log 7
(นอกห้องเรียน)
ปัจจุบันการเรียนภาษาอังกฤษมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก
มนุษย์ชาติทุกวันนี้สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ
ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันโดยตรง การใช้อินเทอร์เน็ต การดูทีวี
การดูภาพยนตร์ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หนังสือคู่มือทางด้านวิชาการต่างๆ ฯลฯ
บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาออกมาในปัจจุบันถ้าทีความรู้ภาษาอังกฤษทั้งพูดและเขียนเสริมเข้าไปอีก
โอกาสที่จะหางานทำก็จะไม่จำกัดแค่ในประเทศไทยเท่านั้น
ถ้าหากเราคือคนหนึ่งที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็จะได้สิทธิพิเศษที่เหนือกว่าคนอื่นที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้
แต่ก่อนที่เราจะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้นั้นนอกจากจะเรียนในชั้นเรียนแล้ว
เราต้องฝึกฝนทักษะด้านต่างๆอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
เพื่อพัฒนาทักษะด้านภาษาให้ดียิ่งขึ้น
ทักษะที่สำคัญอันดับแรกสำหรับการเรียนภาษาคือทักษะการฟัง
สำหรับวิธีที่จะใช้ในการฝึกทักษะการฟังนั้นสามารถทำได้หลายวิธีการด้วยกัน
สิ่งสำคัญที่ต้องมีการพัฒนาทักษะการฟังเพื่อรับรู้สารได้อย่างถูกต้อง
หากใครที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องถือเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะเมื่อใดที่ภาษาเปลี่ยนจากภาษาเขียนเป็นภาษาพูดแล้วนั้น
จะมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงของผู้พูดที่แตกต่างกัน
การรวบคำให้กระชับ ประโยคแสลง และปัจจัยอีกมากมายที่ทำให้การฟังยุ่งยากขึ้น
แต่ปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยการฝึกฝนการฟัง
ฝึกฟังจากเรื่องง่ายไปหาเรื่องยาก ควรเริ่มฝึกจากการฟังอะไรสั้นๆ ง่ายๆ
ที่เขาพูดช้าๆ เน้นการฟังสำเนียงที่ถูกต้อง ฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับวิธีที่ดิฉันใช้ในการฝึกนั้นคือการฟังเพลง
Love me like you do เหตุผลที่เลือกเพลงนี้คือเพลงนี้จะร้องเพลงแบบซ้ำๆ
และเนื้อเพลงของเพลงนี้มีศัพท์ค่อนข้างง่าย ทำให้ง่ายต่อการจับใจความสำคัญของเพลง
ขั้นตอนแรกจะฟังเพลงรวดเดียวจบ โดยปราศจากเนื้อเพลงใดๆทั้งสิ้น
จากนั้นฟังซ้ำอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดเพิ่มเติม
ในขั้นตอนนี้ดิฉันก็ได้รายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับเพลง
มันจะเกี่ยวกับความรักที่บอกให้รักฉันในแบบที่เธอเป็น สัมผัสฉันในแบบที่เธอชอบทำ
สัมผัสฉันในแบบที่เธอเป็น รายละเอียดที่ได้ได้จากท่อนกลางของเพลง
เนื่องจากเป็นท่อนที่ซ้ำๆทำให้ฟังง่าย จากนั้นก็ฟังและหยุดเพลงทุกๆ5วินาที
ขณะที่หยุดนั้นดิฉันจะเขียนคำหรือประโยคที่ได้ยินให้ได้มากที่สุด
เมื่อฟังเพลงจบและหลังจากที่เขียนเนื้อเพลงแบบคร่าวๆได้แล้ว
ดิฉันก็อ่านเพื่อจับประเด็นว่าเพลงที่ฟังต้องการสื่อถึงอะไร
หลังจากนั้นก็เปิดเพลงอีกครั้งแล้วทำเหมือนเดิมคือฟังได้5วินาทีก็หยุดเพลง แล้วจดคำหรือแก้ไขคำที่ผิดหรือประโยคที่ผิดจากการเขียนครั้งแรก
หลังจากนั้นนำคำที่ได้หรือวลีที่ได้มาปะติดปะต่อกันโดยใช้ความรู้ทางไวยากรณ์ที่มีอยู่
พยายามทำให้ได้ประโยคที่ถูกต้องและได้ใจความสมบูรณ์ที่สุด
ต่อไปดิฉันก็เปิดเนื้อเพลงเพื่อตรวจสอบว่าข้อความที่ดิฉันได้เหมือนหรือต่าง
ผิดหรือถูกจากเนื้อเพลงต้นฉบับ
จึงพบว่าเนื้อเพลงที่ดิฉันเป็นผู้เขียนนั้นมีส่วนที่ผิดพอสมควร
เนื่องจากดิฉันเป็นคนที่อ่อนด้านคำศัพท์อยู่มาก
แล้วยังมีปัญหาเกี่ยวกับการอ่านเชื่อมคำอีก
ทำให้ดิฉันเขียนเนื้อเพลงได้ไม่สมบูรณ์มากนัก
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเนื้อเพลงที่ดิฉันได้เขียนนั้นก็พอที่จะจับใจความสำคัญได้อยู่พอสมควร
แล้วก็ถึงขั้นตอนสุดท้ายนั้นคือการฟังเพลงพร้อมกับเนื้อเพลง
ดิฉันพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเพลง
เนื้อหาของเพลงจะเกี่ยวกับความรัก
ซึ่งมีความว่าเธอเปรียบเสมือนแสงไฟ เธอคือยามราตรี เธอคือสีสันแก่เส้นเลือดของฉัน สำหรับเนื้อหาที่สำคัญในเพลงนี้คือการให้คนรักรักเราในแบบที่เขาเป็น
สัมผัสเราในแบบที่เขาชอบ และสัมผัสเราในแบบที่เขาเป็น
การฟังเพลงในครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังของตนเองเป็นอย่างมาก
ทำให้ดิฉันสามารถเข้าใจและจับประเด็นใจความสำคัญของเพลงได้
นอกจากนี้ดิฉันยังสามารถนำประโยคที่ใช้ในเพลงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
และยังได้สำเนียงที่ใช้ในการพูดอีกด้วย
ส่วนประโยชน์อีกประการหนึ่งที่ได้คือคำศัพท์
และเข้าใจความหมายของคำศัพท์เหล่านั้นได้โดยไม่ต้องท่อง ซึ่งถือเป็นการจำที่ดี
เพราะมันจะยั่งยืนกว่าการท่อง
การศึกษาภาษาอังกฤษไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากแต่มันก็ไม่ได้ง่าย
เราต้องมีทักษะพอสมควรที่ต้องใช้ในการศึกษา หากเราอ่อนทักษะในด้านใด
เราต้องต้นหากิจกรรมเพื่อส่งเสริมสร้างทักษะทั้ง4ด้านให้ดียิ่งขึ้น
และทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาภาษาอังกฤษนั้นคือทักษะการฟัง
เนื่องจากหากเราฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง เราก็จะสามารถพูด อ่าน หรือเขียนได้อย่างแน่นอน
สำหรับวิธีที่จะใช้ในการฝึกทักษะการฟังนั้น สามารถทำได้หลายวิธี
หากเป็นวิธีที่เราชอบเช่นการฟังเพลง มันจะยิ่งช่วยกระตุ้นให้เราอยากฝึกฝน
และทำให้เราสามารถเข้าใจในสิ่งที่ฟังได้ง่ายยิ่งขึ้น
การฟังเพลงถือเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในการฝึกทักษะการฟัง
เนื่องจากเป็นกิจวัตรที่ทุกคนมักจะทำกัน
การฟังเพลงจะเป็นการศึกษาที่มีความบันเทิงอยู่ด้วยทำให้ดิฉันไม่รู้สึกเครียดหรือกังวลแต่อย่างใด
และเมื่อเราฝึกทักษะการฟังด้วยการฟังเพลงแล้วนั้นจะทำให้เราได้รับประโยชน์หลากหลาย
มิใช่แค่เข้าใจความหมายของคำศัพท์อย่างเดียว ยังทำให้เรามีสำเนียงที่ดีขึ้นอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น