วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

งานแปล1 เรื่อง Huckleberry Finn

บทที่1
ฮัคมีปัญหา
            คุณจะไม่รู้จักฉันถ้าคุณไม่เคยอ่านหนังสือเรื่อง The Adventures of Tom Sawyer มาร์ค ทเวน (Mark Twain) เป็นคนเขียนเรื่องนี้และเรื่องราวส่วนใหญ่ในเล่มนั้นเป็นเรื่องจริง ในหนังสือเล่มนั้นจะเกี่ยวกับโจรที่ปล้นเงินและเงินที่โจรปล้นนั้นมีมูลค่ามหาศาล เขานำเงินเหล่านั้นไปซ่อนในสถานที่ลับมากๆในป่า แต่ทอม ซอเยอร์ และฉันพบเงินนั้นเข้า หลังจากนั้นพวกเรากลายเป็นคนรวย เรามีเงินคนละ6000ดอลล่าร์ รวมทั้งทองด้วย
            แต่ก่อนฉันไม่เคยมีบ้านหรือไปโรงเรียนเหมือนทอมและผู้ชายคนอื่นๆในเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersberg) ป๊อป เป็นคนที่ดื่มเหล้าเสมอและเขามักจะเปลี่ยนที่อยู่เสมอ ดังนั้นเขาไม่ใช่พ่อที่ดีนักแต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบแก่ฉัน ฉันนอนบนถนนหรือในป่าและฉันสามารถทำทุกอย่างตามความต้องการได้ มันเป็นชีวิตที่ดีมาก
            เมื่อเรามีเงินทอมและฉันกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในชั่วขณะ จัดจ์ ทาดเชอร์ ซึ่งเป็นผู้ชายที่สำคัญในเมืองเราเป็นคนเก็บเงินฉันไว้ในธนาคาร และวีโด ดักลาส พาฉันไปอยู่บ้านหล่อนและหล่อนบอกฉันว่าฉันควรเป็นลูกชายหล่อน หล่อนเป็นคนดีมากและใจดี แต่มันเป็นชีวิตที่ยาก เพราะฉันจำเป็นต้องใส่เสื้อใหม่และประพฤติตัวดีตลอดเวลา
            ท้ายที่สุดฉันใส่เสื้อเก่าแล้ววิ่งจากไป แต่ทอมตามหลังฉันมาและพูดว่าฉันต้องกลับไปที่บ้านของวีโด แต่เขาควรไปอยู่ในแก๊งโจร ดังนั้นฉันจึงกลับไปที่บ้านของวีโดอีกครั้ง และพบว่าหล่อนร้องไห้ ฉันต้องใส่เสื้อใหม่นั้นอีกครั้ง ฉันไม่ชอบมันแม้แต่นิดเดียว พี่สาวหล่อนคุณนายวัตสันอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย หล่อนมักจะบอกว่าห้ามวางเท้าที่นั่น ห้ามทำอย่างนี้ ฮัคเกิลเบอร์รี่! มันเป็นอะไรที่น่ากลัว
            เมื่อฉันตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน ฉันนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เวลามั่นช่างยาวนานและฉันไม่มีความสุขเลย แต่หลังจากเที่ยงคืนฉันได้ยินเสียง มีโย! มีโย! อยู่ด้านนอก ฉันยื่นไฟฉายออกนอกหน้าต่าง ที่ต้นไม้มีทอม ซอเยอร์ กำลังรอฉันอยู่ ฉันเดินตรงไปที่ต้นไม้ท้ายสวน ในไม่ช้าเราก็อยู่บนสุดของเนินเขา เบื้องล่างเนินเขาเราสามารถเห็นแม่น้ำและตัวเมือง มีไฟอยู่1หรือ2ดวงที่ยังคงเปิดอยู่แต่ทุกอย่างเงียบมาก เราเดินไปข้างล่างเนินเขาและพบกับโจอี้ ฮาร์เปอร์ เบน โรเจอร์ส และผู้ชายอีกสองสามคน จากนั้นทอมพาพวกเราลงน้ำโดยเรือเพื่อไปสถานที่ลับของเขาซี่งเป็นถ้ำอยู่ข้างๆเนินเขา เมื่อเราไปถึงทอมบอกเกี่ยวกับแผนของเขา
            ตอนนี้แก๊งเราเป็นโจรและเราจะเรียกแก๊งนี้ว่า แก๊งทอม ซอเยอร์ ถ้าใครคนใดคนหนึ่งทำเราเจ็บ เราจะฆ่าเขาและครอบครัวเขา และถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งจากแก๊งเราบอกความลับกับคนอื่น เขาและครอบครัวจะถูกฆ่าเช่นกัน
            เราทุกคนคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสวยงาม และเราเขียนชื่อของเราโดยเลือดจากนิ้วเรา จากนั้นเบน
โรเจอร์ส พูดว่า ตอนนี้แก๊งเราจะทำอะไรกันดีทอม ตอบว่าไม่มีอะไร ก็แค่ปล้นและฆ่า เราจะสั่งให้คนบนถนนหยุดและเราก็ฆ่าเขา นำเงินและสิ่งของอื่นๆจากพวกเขา แต่เราจะเก็บพวกเขาไว้สักพัก หลังจากนั้นเพื่อนพวกเขาก็จะจ่ายเงิน เพื่อให้ได้ตัวพวกเขากลับไปเบนดูไม่มีความสุข แล้วเบนเอ่ยขึ้น ถ้าหากเป็นผู้หญิง เราจะฆ่าเขาด้วยอย่างนั้นเหรอ” “ไม่นะทอมตอบเราจะทำดีกับพวกเขา และเขาก็จะรักเรา และไม่ต้องการกลับไปที่บ้านของเขาอีก จากนั้นถ้ำจะเต็มไปด้วยผู้หญิง และเราจะดูแลเขาทั้งคืน
            ทอมพูดต่อจากนั้นอีก เราต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้ และเราจะมาพบกันใหม่อาทิตย์หน้า แล้วเราจะมาฆ่าและปล้นใครบางคนกันเบน ต้องการที่จะลงมือวันอาทิตย์แต่คนอื่นไม่เห็นด้วย เพราะเขาคิดว่าการฆ่าหรือปล้นในวันอาทิตย์เป็นสิ่งไม่ดี
            เสื้อฉันสกปรกมากและฉันก็เหนื่อยมากด้วย เมื่อกลับมาถึงบ้าน แน่นอนว่าพรุ่งนี้เช้าคุณนายวัตสัน ต้องโกรธฉันเพราะเสื้อผ้าที่สกปรกของฉัน สำหรับวีโด เขาก็แค่ดูไม่มีความสุขแต่ไม่ถึงขั้นโกรธฉัน หลังจากนั้นไม่ช้าเราเลิกเป็นโจรเพราะเราไม่เคยปล้นหรือฆ่าคนเลย เวลาก็ล่วงเลยไปและฤดูหนาวก็กลับมา ฉันไปโรงเรียนและเวลาส่วนใหญ่ฉันจะเรียนเกี่ยวกับการอ่านและการเขียนเล็กน้อย มันไม่ใช่เรื่องที่แย่อย่างที่คิด วีโดเริ่มประทับใจฉัน คุณนายวัตสันเริ่มผ่อนคลายลง ชายแก่ที่ถูกเรียกว่าจิมเป็นเพื่อนที่ดีกับฉัน ฉันมักจะนั่งพูดคุยกับเขา แต่ถึงอย่างไรฉันก็ยังไม่ชอบอยู่บ้านหลังนี้
            เช้าวันหนึ่งมีหิมะจำนวนหนึ่งที่พื้นและที่สวน ฉันเห็นรอยเท้าบนหิมะนั้น ฉันออกไปดูอย่างระมัดระวัง และพบว่าเป็นรอยเท้าของป๊อป
            สักครู่หนึ่งฉันวิ่งลงไปด้านล่างเนินเขาที่บ้านของจัดจ์ ทราดเชอร์ เมื่อเขาเปิดประตู ฉันร้องไห้และบอกกับเขาว่า คุณ ฉันต้องการให้คุณเอาเงินของฉันไปให้หมด ฉันอยากให้มันกับคุณเขาดูประหลาดใจ ทำไม เกิดอะไรขึ้น ฉันจีงบอกเขา ขอร้องเถอะครับ คุณช่วยรับไปที แล้วอย่าถามว่าทำไมในที่สุดเขาก็พูดว่า ถ้าอย่างนั้น คุณก็สามารถขายเงินนั้นมาให้ฉันหลังจากนั้นเขาให้เงิน1ดอลลาร์แก่ฉัน และฉันเขียนชื่อของฉันลงบนกระดาษเพื่อให้เขา
            คืนนั้นเมื่อฉันขึ้นไปบนห้องนอน ป๊อปกำลังรอฉันอยู่ที่นั่น ฉันเห็นกระจกถูกเปิด นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าเขาเข้ามาในนี้ได้อย่างไร เขาอายุ55ปีและเขาดูแก่มาก ผมเขายาวและสกปรก หน้าเขาขาวอย่างหน้ากลัว เสื้อผ้าเขาเก่าและสกปรกอีกด้วย เขาจ้องมองฉันอย่างนาน จากนั้นเขาก็พูดว่า ดีจังนะ มีแต่ความสะอาด เสื้อผ้าเรียบร้อย และพวกเขายังบอกอีกว่าตอนนี้เธอสามารถอ่านและเขียนได้ ใครเป็นคนบอกว่าเธอควรไปโรงเรียนฉันตอบ วีโดแล้วป๊อปก็พูดว่า อ๋อ เขาเหรอ ดังนั้นเธอควรลืมเกี่ยวกับโรงเรียนได้แล้วนะ ฉันอ่านหนังสือไม่ได้และแม่เธอก็อ่านไม่ได้ ในครอบครัวเราไม่เคยมีใครอ่านหนังสือก่อนเขาตายได้สักคน ดังนั้นเธอคิดว่าเธอเป็นใคร ไหนลองอ่านหนังสือให้ฉันฟังหน่อยสิ
            พอฉันเริ่มอ่านหนังสือ เขากลับตีหนังสือนั่นและมันก็ปลิวออกจากมือฉันไปยังอีกข้างหนึ่งของห้อง จากนั้นเขาตะโกน พวกเขาบอกว่าเธอรวย มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไรฉันตอบกลับ มันไม่ใช่ความจริงเขาพูด เธอต้องให้เงินแก่ฉัน ฉันต้องการมัน พรุ่งนี้เธอต้องให้มันแก่ฉันฉันตอบลับไปว่า ฉันไม่มีเงินเลยถามจัดจ์ ทาดเชอร์ ดูสิ เขาพูด ถ้าอย่างนั้นให้สิ่งอยู่ในกระเป๋าเสื้อเธอมาให้ฉัน เร็วเข้า เอามาให้ฉัน!” ฉันบอกเขาไปว่า ฉันมีเงินแค่1ดอลลาร์ และฉันอยากเอามันไป... เขาไม่สนใจ และพูดต่ออีกว่า เอามาให้ฉัน ได้ยินไหม เขาเอาเงินนั้นไป และหลังจากนั้นเขาก็บอกว่าเขากำลังจะออกไปดื่มเหล้า เมื่อเขาออกไปนอกหน้าต่าง เขาเอาหัวกลับมาข้างในและตะโกน ไม่ต้องไปเรียนอีกแล้วนะ เธอรู้ใช่ไหมว่าจะต้องเจอกับอะไร!”
            วันต่อมาเขาดื่มเหล้า และไปที่บ้านของจัดจ์ ทาดเชอร์ เพื่อไปเอาเงินของฉัน แต่จัดจ์ ทาดเชอร์ไม่ได้ให้เงินแก่เขาไป แต่ป๊อปก็ไม่ได้หยุดความพยายาม และหลังจากนั้นไม่กี่วันฉันได้รับเงินสองถึงสามดอลลาร์จากจัดจ์ ทาดเชอร์ เพื่อที่จะหยุดไม่ให้ป๊อปตีฉัน แต่เมื่อป๊อปมีเงินเขาก็เอาไปดื่มเหล้าและทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เขามาที่บ้านของวีโดเสมอ และหล่อนมักจะโกรธเขาและบอกให้เขาไปไกลๆ นั่นก็ยิ่งทำให้ป๊อปโกรธ วันหนึ่งเขาจับตัวฉันและพาฉันขึ้นเรือแล้วล่องไปในแม่น้ำเส้นทางอันยาวไกล ฉันต้องอยู่กับเขาในกระท่อมกลางป่าและไม่สามารถออกไปไหนได้ด้วยตนเอง เขาจ้องฉันตลอดเวลา วีโดส่งคนมาตามหาฉันและพาฉันกลับบ้าน แต่ป๊อปถือปืนมายืนอยู่ด้านหลังเขา เขาจึงวิ่งหนี

                                                                                      

                                                                           บทที่2
ฮัคหนีและได้พบเพื่อน
            ส่วนมากมันจะขี้เกียจและมีชีวิตที่สะดวก แต่หลังจากนั้น2เดือนป๊อบเริ่มตีฉันกับไม้เท้ามากขึ้นเรื่อยๆ เขามักจะไปในเมืองและหลังจากนั้นเขาล็อกฉันให้อยู่ในประท่อมเสมอ ในการไปแต่ละครั้งเขาก็จะไป3วัน และฉันคิดว่าฉันไม่มีทางออกไปข้างนอกได้อีก
            เมื่อเขากลับมา เขาก็ดื่มเหล้าและโมโห เขาต้องการเงินของฉันแต่ขงจาดจ์ ทาดเชอร์ไม่ได้ให้เขาไป จัดจ์ ทาดเชอร์ต้องการส่งฮันให้ไปอยู่กับคุณนายวีโดอีกครั้ง แต่ป๊อปก็บอกฉันว่า "ฉันไม่พอใจกับที่นั่น และฉันไม่ต้องการกลับที่นั่น"
            ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะหนีลงไปในน้ำและต้องการที่จะอาศัยอยู่ในป่าสักแห่งหนึ่ง เมื่อป๊อปออกไปจากกระท่อม ฉันเริ่มขุดรูเพื่อไปในป่า หลังจากนั้นไม่กี่วันเมื่อรูเริ่มใหญ่ ฉันสามารถเอาไม้ออกไปได้และหนีไปทางรูนั้น จากนั้นนำไม้เข้ากลับไปที่เดิม
            เช้าวันหนึ่งป๊อปส่งฉันลงไปในน้ำเพื่อจับปลามาทำเป็นอาหารเช้า ฉันประหลาดใจเมื่อมีเรือแคนูอยู่ในน้ำด้วย โดยทันทีทันใดนั้นฉันรีบกระโดดลงไปในแม่น้ำและพามันมาอยู่ใกล้ตัว มันโชคดีมากที่ป๊อปไม่เห็นฉัน ฉันตัดสินใจซ่อนแคนูไว้ใต้ต้นไม้และจะใช้มันเมือฉันหนี
            บ่ายวันนั้นป๊อปล็อกฉันในกระท่อมและออกไปในเมือง คืนนี้เขาจะไม่กลับมา ดังนั้นฉันเริ่มขุดรูอย่างหนัก จากนั้นฉันก็สามารถออกไปโดยใช้รูนั้น ฉันแบกอาหาร เครื่องดื่มและปืนของป๊อปลงไปในเรือ จากนั้นฉันก็เอาไม้มาปิดรูนั้นไว้ ฉันนำปืนแล้วเจ้าไปในป่า ฉัยยิงหมูตัวใหญ่และนำมันกลับไปที่กระท่อมพร้อมกับฉัน ต่อมาฉันพังประตูด้วยขวาน ฉันแบกหมูเข้าไปในกระท่อมและนำเลือดบางส่วนราดลงบนพื้น จากนั้นฉันวางก้อนหินใหญ่ลงไปในกระสอบและดึงตามหลังฉันมา สุดท้ายฉันวางเลือดบางส่วนและผมของฉันบนขวาน ฉันทิ้งขวานในเรือแคนูและฉันนำหมูไปทิ้ง
              "พวกเขาจะไม่รู้ว่าเป็นแค่หมูที่อยู่ในน้ำ" ฉันพูดกับตัวเอง"ะวกเขาจะคิดว่าเป็นฉัน"
              จากนั้นฉันนำเรือแคนูลงไปในน้ำเพื่อไปที่เกาะแจ็กสัน ใกล้ค่ำแล้วฉันดงก็ซ่อนเรือแคนูแล้วไปนอน
              แปดโมงเช้าเมื่อฉันตื่นขึ้นมาในวันถัดไปและเห็นดวงอาทิตย์สูงอยู่บนท้องฟ้า ฉันรู้สึกอบอุ่นและสบายไม่อยากลุกขึ้นเลย ทันใดนั้นฉันได้ยินเสียงเอะอะที่แม่น้ำ ฉันดูไปตามต้นไม้อย่างระมัดระวัง และฉันก็เห็นเรือลำหนึ่งที่เต็มไปด้วยผู้คน มีป๊อป จัดจ์ ทอมและน้าของเขาน้าพอลลี่ พี่ชายของเขาซิด และคนอื่นๆอีกมากมาย พวกเขาเห็นร่างฉันในแม่น้ำ ฉันเห็นพวกเขาแต่เขาไม่เห็นฉัน สุดท้ายพวกเขาก็เดินจากไป ฉันรู้ว่าจะไม่มีใครกลับมาอีก ฉันพบที่ๆดีใต้ต้นไม้เพื่อนอน จากนั้นฉันจับปลาและทำอาหารด้วยไฟ
               ฉันอยู่อย่างนั้นมา3วัน และจากนั้นฉันตัดสินใจจะไปดูรอบๆเกาะ ฉันเลยเดินเข้าป่า "นี่คือป่าของฉัน มีฉันคนเดียวอยู่ที่นี่"ฉันคิด
               ทันใดนั่นข้างหน้าฉัน ฉันเห็นไฟและยังคงมีควันอยู่ มีบางคนอยู่บนเกาะนี้ ฉันไม่รอช้าฉันรีบกลับไปที่พัก แต่ฉันนอนไม่หลับ จากนั้นฉันก็พูดกับตัวเอง"ฉันอยู่แบบนี้ไม่ได้ ฉันต้องหาให้เจอว่าเขาคือใคร"
               ท่ามกลางความเงียบ ฉันพายเรือแคนูไปตามแม่น้ำภายใต้ความมืดของต้นไม้ และฉันก็ต้องหยุด ท่ามกลางต้นไม้เหล่านั้นฉันเห็นแสงไฟ ฉันทิ้งเรือแคนูและเข้าไปใกล้ๆพบว่ามีผู้ชายอยู่ ทันใดนั้นเขานั่งลงและฉันเห็นว่านั่นคือจิม ฉันร้องไห้และกระโดดออกจากหลังต้นไม้
               จิมคุกเข่าและพูดว่า"ขอร้องอย่าทำร้ายฉันนะ"เขาร้องไห้"ฉันทำดีกับคนที่ตายแล้วเสมอนะ""ไม่เป็นไรนะจิม ฉันยังไม่ตาย"ฉันพูด"แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่บนเกาะนี้ล่ะ"ฉันถาม
                "โอ้ ฮัค"เขาเริ่ม"คุณนายวัตสันต้องการขายฉัน มีผูชายในเมืองบอกคุณนายวัตสันว่าเขาต้องการซื้อฉันด้วยราคา 800ดอลลาร์ หล่อนไม่ปฎิเสธ ฉันรีบวิ่งจากไป ฉันวิ่งลงไปในน้ำเพื่อซ่อนตัว แต่ทุกๆคนอยู่ที่นั่นเขาบอกว่าเธอตายแล้วนะฮัค ฉันต้องรอทุกวันเพื่อไปจากที่นั่น เมื่อมืดฉันนำเรือและซ่อนตัว เมื่อพวกเราใกล้ถึงเกาะนี้ ฉันกระโดดลงจากเรือและว่ายมาที่นี่"
                  จิมเล่าเรื่องเขาเสร็จจากนั้นพวกเราทั้งสองคนแบกสิ่งของทุกอย่างเข้าไปในถ้ำและซ่อนเรือแคนูไว้ใต้ต้นไม้ วันถัดมาฝนตกทั้งวันและน้ำเริ่มสูงขึ้น ของทุกสิ่งเริ่มตกลงไปในน้ำ มีบ้านไม้หลังเล็กๆหลังหนึ่ง มีคนหนึ่งคนอยู่บนนั้น มีบางอย่างอยู่ที่มุมบ้านและเราคิดว่ามันเป็นผู้ชาย จิมเข้าไปดูใกล้ๆและพูดว่า"เขาตาบไปแล้ว มีคนฆ่าเขา ห้ามมองหน้าเขานะฮัค มันน่ากลัวฉันไม่สามารถมิงหน้าคนตายแล้วได้" พวกเราเอาเสื้อเก่าและสิ่งอื่นๆอีกเล็กน้อยและกลับไปที่ถ้ำของพวกเราที่อยู่บนเกาะ
                   ในคืนอื่นๆเมื่อเรามองออกไปที่แม่น้ำเราเจอแพ มันเป็นแพที่ดี มันทำมาจากไม้ที่แข็งแรง มันมีขนาดประมาณ4-5เมตร มันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ฉันพูดกับจิม ดังนั่นพวกเราดึงมันกลับไปที่เกาะและตั้งไว้ใต้ต้นไม้



บทที่3
ฮัคและจิมเที่ยวทิศใต้
             ในวันที่เงียบสงบ แต่พวกเราเริ่มรู้สึกเบื่อ พวกเราอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองบ้างและพวกเราก็ได้ตัดสินใจจะออกไปในเมือง จิมพูด"ทำไมเธอไม่ใส่ใจเสื้อเก่าและหมวกที่เราพบในบ้านนั้นล่ะ คนจะได้ไม่รู้ว่าเธอคือใคร พวกเขาจะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิง"ฉันก็เลยทำตามสิ่งที่จิมบอก
              หลังจากที่มืดสักพัก ฉันไปที่เรือแคนูและล่องไปตามแม่น้ำเพื่อไปในเมือง จากนั้นฉันก็ลงจากเรือแคนูแล้วก็เดินเท้าเปล่า ฉันเดินไปถึงบ้านเล็กๆที่ไม่มีสิ่งใด ตอนนี้มีไฟอยู่ในนั้น และเมื่อฉันดูไปตามหน้าต่างฉันเห็นผู้หญิงอายุ40ปี เขาเป็นคนแปลกหน้าและเป็นสิ่งที่ดี เพราะหล่อนไม่รู้จักฉัน ฉันจึงเคาะประตู"ฉันต้องจำไว้ว่าฉันเป็นผู้หญิง"ฉันพูดกับตัวเอง
               ผู้หญิงคนนั่นเปิดประตู หล่อนพูด"เข้ามา"หล่อนมองฉันด้วยสายตาฉูดฉากงดเล็กน้อย "เธอชื่ออะไร"หล่อนถาม
               "ซาร่า วิลเลียม"ฉันตอบ"ฉันจะมาพบลุง ลุงเขาอยู่อีกฟากจากเมืองนี้  แม่ฉันป่วยและต้องการความช่วยเหลือ"
               "เธอไม่สามารถไปคนเดียวได้ในเวลานี้ มันดึกมากแล้ว สามีฉันจะกลับบ้านภายใน1ชั่วโมง รอเขาก่อนแล้วเขาจะเดินไปกับเธอ"
               จากนั้นหล่อนเริ่มบอกฉันเกี่ยวกับทุกปัญหาของหล่อน ฉันรู้สึกเบื่อกับทุกอย่างจนกระทั่งเขาพูดบางอย่างเกี่ยวกับป๊อปและการฆ่าตกรรม
               "ใครเป็นคนทำ"ฉันถาม
               หล่อนตอบว่า"บางคนบอกว่าเขาเป็นคนฆ่าตัวตายเอง คนอื่นๆคิดว่ามันทำงานหนักซึ่งมันก็หนีไปในคืนนั้น ชื่อของเขาคือจิม พวกเขาจะให้เงิน300ดอลลาร์กับป๊อป เขาดื่มเหล้าและจากเมืองนี้ไปพร้อมกับคนแปลกหน้า2คน คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาฆ่าเด็กสองคนนั้น และวันหนึ่งเขาจะกลับมาและรับเงินทุกบาทของฮัค
               "แล้วเกิดอะไรขึ้นกับทาสคนนั้นล่ะ"ฉันถาม
               "อ๋อ พวกเขาจะจับพวกนี้ในเร็วๆนี้ คนต้องการเงิน300ดอลลาร์ ฉันคิดว่าเขาอยู่บนเกาะแจ็กสัน เธอรู้ไหม ฉันเคนเห็นควันที่นั่นด้วย สามีฉันไปที่นั่น เพื่อตามหา2คนนั้น และพวกเขาไปที่นั่นพร้อมกับปืนเมื่อคืนก่อน"
               เมื่อฉันได้ยินอย่างนั้น มือฉันเริ่มสั่น หล่อนมองฉันด้วยความประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นหล่อนก็ยิ้มและพูดอย่างดีใจว่า"เธอเคยบอกว่าเธอชื่ออะไรแล้วนะ""ม-แมรี่ วิลเลียม"
               "อ๋อ อย่างนั้นเหรอ"หล่อนยิ้มอีกครั้ง"เอาเหอะ ตกลงเธอชื่อจริงว่าอะไร บิล บ็อบ ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิง"
               หลังจากนั่นฉันบอกหล่อนถึงเรื่องราวอื่นๆ และฉันก็พูว่าฉันหนีจากไป หล่อนบอกว่าหล่อนจะไม่บอกใคร และหล่อนก็ให้อาหารฉันก่อนที่ฉันจะจากไป ฉันรีบกลับไปที่เกาะ
               "เร็วจิม!" ฉันร้องไห้ พร้อมๆกับปลุกเขา "พวกเขากำลังตามหาเรา"
               เราออกกับแพให้เร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ นำของทุกอย่างไปไว้บนนั้น ดึงแคนูตามหลังมาและย้ายมันไปไว้ในน้ำ เมื่อฟ้าเริ่มสว่างเราก็ซ่อนตัว เมื่อมืดอีกครั้งเราก็ออกเดินทางต่อ 15คืนที่ผ่านมา (St Louis) พวกเราตัดสินใจลงที่ไคโรในเมืองอิลลินอยส(Illinois) พวกเราขายแพที่นั่นแล้วก็ซื้อเรือไปโอไฮโอ(Ohio)ที่นั่นไม่มีทาส พวกเราจะนอนตอนกลางวันและเริ่มออกเดินทางตอนกลางคืน หลังจากนั้นไม่นานพวกเราเห็นไฟบนอิลลินอยสที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำ และจิมรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาคิดว่าเป็นพวกไคโร จิมเตรียมความพร้อมของเรือแคนู ส่วนฉันก็มองไปในน้ำ เรือนั่นเหยียบแพ
                เมื่อฉันโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำฉันมองไม่เห็นจิมเลย ฉันเรียกชื่อเขาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ "เขาตายแล้ว"ฉันคิด ฉันว่ายน้ำอย่างช้าๆแล้วก็ขึ้นฝั่ง ฉันเห็นบ้านหลังใหญ่ที่ทำด้วยไม้ ทันใดนั้นมีสุนัขที่ดุร้ายหลายตัวกำลังจะกระโดดเข้ามาหาฉัน พวกมันทำเสียงน่ากลัวมาก มีเสียงจากบ้านนั้น"ใครอยู่ตรงนั้น""จอร์จ แจ็กสัน"ฉันรีบตอบอย่างรวดเร็ว



บทที่4
ท่านดยุคและพระมหากษัตริย์
              สองสามวันผ่านไปทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีอะไรเกินขึ้น เราออกเดินทางตอนกลางคืนในขณะที่คนอื่นนอนหลับ เราไม่ต้องการให้ใครเห็นจิมและถามคำถามเกี่ยวกับเขา
              เช้าวันหนึ่งหลังจากที่ฟ้าสว่างได้สักพัก ฉันเจอเรือแคนูเล็กๆลำหนึ่ง ฉันจึงขึ้นไปบนเรือลำนั้นและพายเรือไปริมแม่น้ำ ฉันมองไปรอบๆ ทันใดนั้นมีผู้ชาย2คนวิ่งท่ามกลางต้นไม้
              ช่วยด้วย! พวกเขาร้องไห้ "มีผู้ชายหลายคนและสุนัขหลายตัวพยายามจะจับเรา แต่พวกเราไม่ได้เป็นอะไร"
              พวกเขาคนหนึ่งมีอายุ17ปี ส่วนอีกคนอายุ30ปี พวกเขาทั้งสองใส่เสื้อเก่ามากและสกปรกมาก ฉันบอกกับพวกเขาว่าพวกเขาสามารถไปกับพวกฉันได้ พวกเรารีบวิ่งกลับไปที่เรือแคนู
              เมื่อกลับมาอยู่บนแพพวกเราก็ได้พูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ จากนั่นชายหนุ่มก็พูดขึ้นว่า"เพื่อน! ฉันคิดว่าฉันสามารถบอกเธอเกี่ยวกับความลับของฉัน ที่จริงแล้วฉันคือท่านดยุค พ่อของฉันเป็นลูกชายของท่านดยุคแห่งไบรจ์วอเตอร์(Bridgewater) แต่เขาจากประเทศอังกฤษแล้วมาอยู่ที่อเมริกาเมื่อบารพบุรุษแห่งดยุคเสียชีวิต พ่อฉันขโมยทุกอย่างและแต่งตั้งตัวเองเป็นท่านดยุค
              จริงเหรอ แน่นอนว่าเราจะไม่มีความสุขที่มีเพื่อนเป็นท่านดยุค แต่เขาพูดว่า "ฉันจะมีความสุขกว่านี้ถ้าเธอทำอาหารเย็นให้ฉันทาน"
              ดังนั้นเราจึงทำอาหารเย็นให้เขาทาน และเขาก็ชอบมัน แต่ชายแก่พูดน้อยมากและดูท่าทางไม่มีความสุข หลังจากนั่นสักพักเขาก็พูดขึ้นว่า "พวกเธอรู้อะไรไหม ไบรจ์วอเตอร์ ฉันก็มีความลับเกี่ยวกับมันเหมือนกัน" แล้วอขาก็เริ่มร้องไห้
            "คุณหมายความว่าอย่างไร"ท่านดยุคถาม"ความลับของคุณคืออะไร"
              หลังจากนั่นชายแก่บอกพวกเราว่าที่จริงเขาเป็นลูกชายคนแรกของกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส เขาถามพวกเราที่กำลังคุกดข่าข้างหนึ่งในขณะที่พูดกับเขา พวกเราสามารถเรียกเขาว่า เขาคือพระเจ้าแผ่นดิน นั่นเป็นสิ่งที่เราทำและพวกเขาทั้งสองมีความสุข แน่นอนว่าฉันรูว่าพวกเขาไมใช่ท่านดยุคและพระมหากษัตริย์ที่แท้จริง แต่ฉันไม่ได้บอกจิม มันเป็นสิ่งที่ดีมากหากทุกคนมีความสุขเมื่อได้อยู่ในแพร่วมกัน
               พระมหากษัตริย์และท่านดยุครู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้เห็นจิม "เขาเป็นทาสเหรอ"พวกเขาอยากรู้"เขาวิ่งจากไปเหรอ"
              ฉันจำเป็นต้องบอกบางอย่างกับพวกเขา ฉันจึงบอกว่าจิมเป็นลุงฉันและกำลังจะพาฉันไปหาครอบครัวของฉันที่นิว โอลีนส์ (New Orleans)
            "อย่างนั้นเหรอ เราจะลงเรือไปพร้อมกับคุณ" หลังจากนั่นพระมหากษัตริย์ได้พูดขึ้นว่า"เราจะสร้างเวลาดีๆไปด้วยกัน"
               เราสี่คนได้ลงไปในน้ำ แต่จิมและฉันไม่ชอบพวกเขาทั้งสองคน พวกเขามักจะดื่มเหล้าและวางแผนที่จะเอาเงินกับผู้คนในทุกๆเมือง นี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะหาไก่หรืออย่างอื่นมาถ้าเกิดคุณหิว แต่พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนที่แย่มากๆ จิมและฉันตัดสินใจที่จะจากพวกเขาไปแล้วในไม่ช้าเราจะทำสำเร็จ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะพวกเขาอยากอยู่กับพวกเราตลอดเวลาเลย
               เช้าวันหนึ่งพระมหากษัตริย์บอกกับพวกเราว่าให้รอเขา เรารอเขาตลอดทั้งเช้าแต่เขาก็ไม่กลับมา ดังนั้นท่านดยุคและฉันจึงเข้าเมืองเพื่อตามหาเขา เราตามหาเขาตลอดช่วงเย็นและสุดท้ายเราก็พบเขาในผับ จากนั้นเขาและท่านดยุคชกต่อยกันเรื่องเงิน
            "ตอนนี้ฉันสามารถอยู่ห่างจากพวกเขา"ฉันคิด ฉันกลับมาที่แม่น้ำ "เร็วเข้าจิม!" ฉันตะโกน "นี่เป็นเวลาที่เราต้องไป" แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จิมไม่ได้อยู่ที่นี่
               ฉันวิ่งเข้าไปในป่า ร้องไห้และตะโกนเรียกชื่อจิม แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ
               หลังจากนั่นไม่นานชายหนุ่มก็กลับมา "เธอเห็นทาสบ้างไหม" ฉันถามเขาฉันหมายถึงจิม
            "ทำไม ใช่ฉันเห็น" ชายหนุ่มตอบกลับมา "เขาเป็นทาสที่หนีมา ฉันได้ยินเรื่องนี้ในเมือง เฟ็ลปส์พาตัวเขากลับไป ชายแก่ในผับบอกนายเฟล็ปส์ว่ามีทาสที่หนีมาอยู่บนแพที่แม่น้ำ เขาบอกว่าเขาไม่ว่างที่จะพาทาสคนนั้นมา นายเฟ็ลปส์จึงให้เงินแก่เขา40ดอลลาร์ จากนั่นพวกเขาก็ลงไปจับทาสในเย็นวันนั้น นายฟิลพซิซจะพาเขากลับไปที่บ้านของเข้าของบ้าน และเจ้าของบ้านจะให้เงิน3000ดอลล่าร์แก่เขา
          ฉันรู้ว่าสองคนนี้เป็นคนเลวมาก ฉันถามชายหนุ่มว่านายฟิลพซิซมาจากไหน และดขาก็ตอบว่าเป็นบ้านหลังใหญ่สีขาวอยู่ทางด้านล่างแม่น้ำเล็กน้อย
          ฉันเริ่มวางแผนที่จะตามจิมกลับมา ขั้นแรกฉันนำแพลงไปในแม่น้ำและล่องไปในเกาะ ฉันซ่อนแพไว้ใต้ต้นไม้ก่อนที่จะหลับ ก่อนที่ฟ้าจะสว่าง ฉันลงไปในน้ำพร้อมกับเรือแคนู เมื่อฉันคิดว่ามัรใกล้ถึงบ้านของนายฟิลพซิซแล้ว ฉันจึงลงจากเรือแคนูแล้วไปยังบ้านหลังนั้น ทันใดนั้นมีสุนัขหลายตัววิ่งออกมาจากบ้าน พวกเขาวิ่งออกมาจากทุกทิศทางพร้อมกับส่งเสียงน่ากลัว
          ผู้หญิงอายุประมาณ55ปีวิ่งออกมาจากบ้านพร้อมกับเด็กๆที่แยู่ด้านหลังหล่อน ใบหน้าของหล่อนยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมกับกวักมือเรียกฉันและร้องไห้ "มันคือเธอ" ฉันไม่หยุดที่จะคิด "ใช่ แม่" ฉันพูด
          อะไรทำให้เธอจากพวกเราไปนานเหลือเกิน เราคิดว่าเธอจะกลับมาเมื่อสองวันที่แล้ว ลุงของเธอไซลัสเข้าไปในเมืองทุกวันเพื่อพบเธอ เขาอยู่ที่นั้นเดี๋ยวก็คงกลับมา หล่อนไม่หยุดพูดฉันจึงไม่สามารถบอกหล่อนได้ว่าหล่อนกำลังเข้าใจผิด "บอกเราเกี่ยวกับพวกเขา"หล่อนร้องไห้"บอกทุกๆอย่างกับฉัน"
          ฉันรู้ว่าฉันต้อลบอกทุกอย่างกับหล่อน...แต่หลังจากนั้นหล่อนร้องไห้ "เขาอยู่ที่นี่ เร็วเข้า!หลบ!แล้วหล่อนก็พาฉันเข้าบ้านและให้ฉันอยู่ด้านหลังประตู จากนั้นสามีของหล่อนก็เข้ามาข้างในบ้าน หล่อนถามเขา"เขากลับมาไหม"
          "ไม่" สามีหล่อนตอบ
          "ดูสิ" หล่อนตะโกน และพาฉันออกมาจากด้านหลังประตู
          "ทำไม เขาคือใคร" นายฟิลพซิซร้องไห้อย่างประหลาดใจ
          "นี่คือ ทอม ซอเยอร์!" หล่อนหัวเราะ



บทที่5
แผนการที่จะให้จิมเป็นอิสระ
           เมื่อฉันได้ยินอย่างนั้น  ฉันก็เกือบจะล้มลงกับพื้น แต่มันเป็นสิ่งที่ดีมาก มันง่ายต่อฉันที่จะเป็นทอม ซอเยอร์ เพราะทอมคือเพื่อนสนิทของฉัน เขาและพี่ชายเขาซิดอาศัยอยู่กับน้าพอลลี่ในเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก(St Petersberg)และฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขา ตอนนี้ฉันได้รู้ว่าน้าพอลลี่มีน้องสาวซึ่งก็คือคุณนายเฟ็ลปส์ หล่อนและสามีหล่อนคือน้าแซลลี่และลุงไซลัส และทอมกำลังกลับมาทางใต้เพื่อมาอาศัยกับพวกเขาในไม่ช้า
          เรานั่งพูดคุยกันและฉันสามารถตอบทุกคำถามที่พวกเขาถามเกี่ยวกับครอบครัว ซอเยอร์ ฉันรู้สึกมีความสุขจริงๆ ทันใดนั้นฉันได้ยินเสียงเรือยนตร์ในแม่น้ำ "ทอมอยู่บนเรือนั่นแน่เลย"ฉันคิด "เขากำลังจะมาที่นี่และเรียกชื่อฉันก่อนฉันจะหยุดเขา ฉันต้องไปพบเขาก่อน"
         ฉันจึงบอกเฟ็ลปส์ว่าฉันจะไปในเมืองไปตามหากระเป๋าฉันซึ่งอยู่ที่ท่าเรือ ฉันรีบวิ่งไปบนถนนและก่อนที่จะถึงครึ่งทางไปในเมือง มีทอม ซอเยอร์ กำลังเดินมาแต่ไกล
         เมื่อเขาเห็นฉัน เขาอ้าปากค้างและใบหน้าเขาดูซีดเผือดเล็กน้อย "เธอตายแล้วไม่ใช่เหรอ" เขาพูด "ทุกคนบอกว่าเธอถูกฆ่า!"
         "ฉันยังไม่ตาย" ฉันพูด "แต่ฟัง..." ฉันบอกเขาเกี่ยวกับการผจญภัยของฉันและทอม รักทุกอย่างเกี่ยวกับมัน จากนั้นฉันก็บอกเขาเกี่ยวกับเฟ็ลปส์และพวกเขาคิดว่าฉันคือทอม ซอเยอร์ "เราควรทำอะไรดี" ฉันถามเขา
         ทอมคิดสักพักจากนั้นเขาก็พูดว่า"ฉันรู้ เธอเอากระเป๋าฉันไปและบอกกับพวกเขาว่าเป็นของเธอ ฉันจะกลับมาที่บ้านอีก1ชั่วโมง"
          "ตกลง" ฉันพูด "เธอรู้จักคุณนายวัตสันซึ่งเป็นเจ้านายของทอมที่หนีไปหรือไม่ เขาเป็นนักโทษอยู่ที่นี่ และฉันจะช่วยเขาหลบหนี"
"จิม" ทอมพูด "แต่เขาเป็น" จากนั้นเขาก็หยุดและคิด "ดี ฉันจะช่วยด้วย ฉันจะทำแผนการให้ดีที่สุด" เขาดูตื่นเต้นมาก
             เขาจึงกลับไปที่บ้านพร้อมกับกระเป๋า ทอมตามกลับมาอีกภายใน1ชั่วโมงหลัง เขาเคาะประตูและเมื่อน้าเขาเปิดประตูเขาก็บอกว่าเขาคือซิดซึ่งเป็นพี่ชายของทอม เขาต้องการให้น้าสุดแซลลี่น้าสุดที่รักของเขาเซอร์ไพรส์ เขาพูด
             น้าแซลลี่ดีใจมากที่ได้เห็นทอมและซิด เขาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงาม เขาและลุงไซลัสเป็นคนดีมาก
     เมื่อเราอยู่โดยลำพัง ทอมและฉันพูดเกี่ยวกับการหลบหนีของจิม ฉันบอกว่าฉันมีแผนการและทอมฟังแผนการนั้น
            "มันเป็นแผนการที่ดี" เขาพูดหลังจากฉันพูดจบ "แต่มันง่ายเกินไป มันต้องให้เหมือนการหลบหนีที่แท้จริง เหมือนกับการผจญภัยที่แท้จริงในหนังสือนิทาน ดังนั้นเราต้องการบางอย่างที่มันยากและอันตราย ตอนนี้ฟังสิ่งนี้นะ..."
             เขาจึงบอกฉันเกี่ยวกับแผนการของเขา ฉันรู้ว่ามันเป็นแผนที่ดีอีกแผนหนึ่ง เพราะแผนการของทอมเป็นแผนการที่บ้าและน่าตื่นเต้น
             และเราก็มั่นใจว่ามันจะเต็มไปด้วยความสนุกกับแผนการนี้ เรารู้มาว่าจิมถูกล็อกอยู่ในคุกด้านนอกบ้าน ทุกๆคืนเราจะออกมาทางหน้าต่างห้องนอนและขุดหลุมเพื่อไปที่คุก เราทำงานนี้มาทั้งอาทิตย์และมันเป็นงานหนัก เราบอกความลับกับจิมและเขาก็ดีใจมาก
             เรายังเขียนจดหมายลับแก่ทุกคน ทอมบอกว่าทุกคนจะทำเหมือนในจดหมายนี้ เราเขียนว่ามีแก๊งทาสที่ขึ้นมาทางภาคใต้ พวกเขาต้องการลักพาตัวจิมและรับเงิน300ดอลล่าร์จากผู้ว่าจ้าง เฟ็ลปส์และเพื่อนของเขารู้สึกตื่นเต้นมาก ในคืนที่หลบหนีฉันจะไปในห้องนั่งเล่น และมีผู้คนหลายคนที่มีปืน
             ฉันวิ่งและบอกทอม และเขาก็บอกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมาก "มันเป็นการผจญภัยที่แท้จริง"เขาพูดอย่างตื่นเต้น "เฟ็ลปส์จะตามมาข้างหลังเรา และเราทุกคนจะตาย"
             ไม่มีเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับมันอีก เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เราพาจิมออกมาทางหลุม และเริ่มวิ่งลงไปในแม่น้ำ แต่มีคนได้ยินเสียงเราและตามหลังเรามา พวกเขาเริ่มกระหน่ำยิงแต่เราวิ่งเร็วที่สุดตราบที่จะเร็วได้เพื่อไปที่เรือแคนู เราลงไปในนั้นและล่องไปตามหมู่เกาะเสปน(Spanish Island) แพของอยู่ที่นั้น และแผนการที่จะหลบหนีของพวกเราคือหนีลงน้ำ
            "จิมตอนนี้" ฉันร้องไห้ "เธอเป็นอิสระแล้ว" พวกเรามีความสุขทุกคน แต่ทอมเป็นคนที่มีความสุขที่สุด เพราะมีกระสุนปืนอยู่ในขาเขา
              เมื่อจิมและฉันรู้สิ่งนี้ พวกเราเริ่มไม่มีความสุข ทอมต้องการให้การผจญภัยดำเนินการต่อ แต่จิมและฉันบอกว่าหมอต้องดูขาของทอม ทอมรู้สึกโมโหเกี่ยวกับสิ่งนี้ แต่จิมพูด
            "เธอฟังฉันนะทอม ซอเยอร์ เธอบอกว่าตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้ว และบางทีฉันก็อาจจะเป็น แต่เพื่อนเก่าอย่างฉันจะไม่มีทางทิ้งเพื่อนที่มีลูกกระสุนในเท้าหรอกนะ ดังนั้นฉันจะอยู่ตรงนี้จนกว่าคุณหมอจะมา
              ฉันรู้ว่าจิมจะพูดอย่างนั้น เขาเป็นเพื่อนที่ดี เพื่อนแท้ และคุณจะไม่สามารถพูดอย่างนั้นกับทุกคน
              มันเป็นสุดท้ายของตอนจบแล้วจริงๆ ฉันไปและพบคุณหมอในเมือง เขาเป็นชายแก่ที่ใจดี และเขาบอกว่าเขาจะไปที่เกาะนั้น แต่ขาของทอมอยู่ในสภาพที่แย่มาก พอวันต่อมาคุณหมอและคนอื่นๆแบกทอมไปยังบ้านของเฟ็ลปส์ พวกเขาพาจิมมาด้วย และล็อกจิมไว้ในคุกอีกครั้ง แต่คุณหมอพูดว่า"ควรจะปฏิบัติดีๆกับเขา เพราะเขาไม่สามารถวิ่งหนีไปไหนและเขาก็เป็นคนช่วยทอมไว้"
              พวกเขาพาทอมขึ้นไปบนห้องนอนเพราะขาของทอมแย่มาก น้าแซลลี่นั่งเฝ้าในขณะที่เขาหลับ ฉันไม่ต้องการตอบคำถามของใครทั้งสิ้น ฉันจึงปลีกตัวออกจากทุกคน
              เมื่อทอมตื่นขึ้นในวันต่อมา เขารู้สึกดีขึ้น ฉันอยู่ในห้องนั้นและเขาก็พูดกับฉัน"จิมไม่เป็นไรใช่ไหม เขาอยู่ที่นี่ใช่หรือเปล่า"
              ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เพราะน้าแซลลี่กำลังฟังอยู่ และก่อนที่ฉันจะห้ามเขานั้น ทอมก็พูดต่อว่า
              "เราทำมันเอง น้าแซลลี่ ฉันและทอมอยู่ที่นี่ เราช่วยจิมหนีเอง" เขาบอกเธอเกี่ยวกับการขุดหลุมและทุกๆอย่างที่เราได้ทำ ปากของน้าแซลลี่เปิดแล้วก็ปิดเหมือนกับปลา จากนั้นเขาก็โกรธทอมมาก

              "ทาสคนนั้นจะถูกล็อคอีกครั้งและเขาก็ต้องอยู่ที่นั่นอีกครั้ง และถ้าฉันจับเธออีก
ครั้ง-"
              ทอมนั่งใต้เตียงทันที "เธอไม่สามารถทำอย่างนั้น!"เขาร้องไห้ "จิมเป็นทาสของคุณนายวัตสัน แต่เธอเสียชีวิตไปเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ก่อนที่เธอจะเสีย เธอเขียนจดหมายว่าเธอต้องการให้จิมเป็นอิสระ และจะไม่มีทาสอีกต่อไป จิมเป็นอิสระแล้วไม่ใช่เป็นทาส มันเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจสำหรับฉันและน้าแซลลี่ เธอคิดว่าทอมเป็นคนบ้า "แต่ซิด ทำไมเธอถึงช่วยเขาหนี ทั้งๆที่เธอก็เป็นอิสระเเล้ว"เธอพูด
              "ฉันต้องการผจญภัย"ทอมพูด "เราทำแผนการที่น่าตื่นเต้นมากๆ...โอ้ น้าพอลลี่!"
              เรามองไปรอบๆและพบว่ามีน้าของทอมคือน้าพอลลี่อยู่หน้าประตู มันเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจมากอีกเรื่องหนึ่ง น้าแซลลี่ดีใจมากที่ได้เห็นพี่สาวของเธอและได้กระโดดเข้าไปกอดเธอ ฉันรีบเข้าไปอยู่ใต้เตียงอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปัญหากำลังจะมาหาฉันและทอมอย่างแน่นอน
              จากนั้นน้าพอลลี่ก็พูดกับทอม"นี้ไม่ใช่ทอมเหรอ นี่คือซิด ทอมอยู่ที่นี่เมื่อสักครู่นี้ เขาอยู่ไหน"
               "ฮัค ฟิน อยู่ไหน" น้าพอลลี่ตอบ "ออกมาเดี๋ยวนี้นะฮัค ฟิน"
               ดังนั้นทอมและฉันก็ได้อธิบายเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง น้าพอลลี่บอกว่าน้าแซลลี่เขียนจดหมายบอกเธอว่าทอมและซิดอยู่ที่นี่ เธอรู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง เธอจึงตัดสินใจมาเพื่อจะหาว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เธอบอกว่าเรื่องของคุณนายวัตสันเป็นความจริง และทอมก็เป็นอิสระแล้วในตอนนี้
               เราพาจิมออกมาจากคุก น้าแซลลี่และน้าไซลัสใจดีกับเขามาก ท้ายที่สุดทอม จิม และฉันได้มีเวลาพูดคุยเกี่ยวกับตัวพวกเราเป็นเวลายาวนาน ทอมพูดและพูดและจากนั้นเขาก็ได้พูดว่า"เรา3คนมาหนีกันในคืนหนึ่ง ไปและมีการผจญภัยทางตอนใต้ที่กว้างใหญ่"
               มันฟังดูเป็นแผนการที่ดี "อีกอย่างหนึ่งคือ"ฉันพูด"ฉันไม่มีเงิสแม้สักบาทเดียวที่ขงจะซื้อเสื้อใหม่และสิ่งอื่นๆ เงินทั้งหมดของฉันอยู่ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก(St Petersberg) จะอยู่ในกระเป๋าของป๊อปตอนนี้
               "ไม่" ทอมพูด เงินของเธอทั้งหมดอยู่ที่นี่ ป๊อปของเธอจะไม่มีทางกลับมาที่นี่อีก
            ''ไม่ และเขาจะกลับมาฮัค'' จิมพูด "เธอจำศพที่ตายในแม่น้ำได้ไหมและฉันบอกเธอว่าอย่ามองหน้าเขา เขาคือป๊อปของเธอ เธอสามารถเอาเงินของเธอเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อเธอต้องการ"
               ตอนนี้ขาของทอมดีขึ้นมากแล้ว และฉันไม่ต้องการที่จะเขียนอะไรอีกต่อจากนี้ ฉันประทับใจกับมันมากเพราะมันยากมากที่เขียน และฉันจะไม่เขียนมันอีกครั้ง แต่ฉันคิดว่าฉันจะหนีไปก่อนคนอื่นๆ เพราะน้าแซลลี่ต้องการให้ฉันอยู่กับเธอ ฉันจะต้องนอนบนเตียง ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด เรียนหนังสือให้ดีๆ และฉันจะไม่มีทางทำมันอีกครั้ง ฉันเคยทำมันมาแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต


Learning Log 16 การอบรมภาคบ่าย 30/10/58

Learning log 16
(นอกห้องเรียน)
            ครูในศตวรรษที่21จะต้องสนใจในเทคโนโลยีต่างๆ ต้องมีการเรียนการสอนอย่างบูรณาการมีนวัตกรรม ICT ที่มีคุณสมบัติทางด้านเทคโนโลยี โดยใช้ระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ยุคใหม่มาสนับสนุนการเรียนรู้และการบริหารจัดการทั้งด้านวิชาการ บุคคล งบประมาณและการบริหารทั่วไป เพื่อพัฒนาคุณภาพเด็กยุคใหม่ด้วยสารสนเทศรอบด้าน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีวิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ๆอยู่เรื่อยๆเพื่อให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคมปัจจุบัน
            วิธีการสอนแบบใหม่ๆนั้นมีหลากหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ The Flipped Classroom คือการสอนห้องเรียนกลับด้าน เป็นวิธีการสอนที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการศึกษาบ้านเราอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสอดรับกับวิธีสร้างการเรียนรู้ในศตวรรษที่21 ที่เราไม่ได้ต้องการนักเรียนที่ท่องเก่ง เรียนเก่ง แต่เราต้องการบัณฑิตที่ใฝ่รู้แล้วรู้วิธีการเรียนรู้ ครูจึงต้องสอนแต่สิ่งสำคัญ แล้วฝึกให้เด็กสามารถไปต่อยอดองค์ความรู้เอง จึงมีการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายจากครูเป็นหลักให้นักเรียนเป็นหลัก โดยครูรับบทบาทเป็น coach  หรือ facilitator เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้แบบ active learning

Learning Log 15 การอบรมภาคเช้า 30/10/58

Learning log 15
(นอกห้องเรียน)
            สำหรับการศึกษานอกชั้นเรียนครั้งนี้ก็ยังคงเป็นความรู้ที่ได้รับมาจากการเข้าอบรมในโครงการเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ในครั้งนี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่21 ซึ่งถือเป็นศตวรรษแห่งเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก นอกจากเรื่องเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าแล้วนั้น ยังเป็นยุคที่การเรียนสามารถเข้าถึงทุกคนได้อย่างว่องไวและทั่วถึง เราสามารถเรียนได้จากหลากหลายทาง แต่มิได้หมายความว่าจะสามารถมาแทนที่ครูได้ ครูก็ยังถือเป็นผู้สอนที่ให้ความรู้แก่เด็กเหมือนเดิม แต่ครูอาจจะต้องใช้วิธีการสอนแบบบูรณาการเพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้อย่างรอบด้านและเท่าทันกับโลกปัจจุบัน
            วิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่21นั้นมีวิธีการที่หลากหลายมาก ครูจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และใช้วิธีการสอนได้ทุกรูปแบบ เพื่อที่ว่าครูจะได้เลือกวิธีการสอนได้อย่างเหมาะสมแก่เด็กแต่ละคน หรือห้องเรียนแต่ละห้องได้ ซึ่งวิธีการสอนสามารถแบ่งออกเป็น 4 แนว แนวการสอนที่1คือวิธีการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นกฎเกณฑ์ของภาษาซึ่งมีทั้งหมด3วิธีสอนด้วยกัน วิธีที่1 คือวิธีสอนแบบไวยากรณ์และแปล เป็นวิธีการสอนที่ไม่เน้นการฟังและการพูด แต่เน้นการเรียนไวยากรณ์และการแปล เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านบทอ่านได้เข้าใจและเห็นคุณค่าของคำประพันธ์ภาษาต่างประเทศ เน้นการท่องจำ และความถูกต้องในการใช้ภาษา