วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log 5 (นอกห้องเรียน)

Learning log 5
(นอกห้องเรียน)
            การศึกษานอกชั้นเรียนเป็นการศึกษาที่ไร้ขีดจำกัดสำหรับนักเรียนทุกคนเพราะเราสามารถศึกษาตามสิ่งที่เราสนใจได้ หรือสามารถศึกษาทักษะต่างๆที่เรายังไม่ถนัดได้เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนภาษา และช่วยพัฒนาทักษะของเราให้ดียิ่งขึ้น วิธีการที่จะช่วยฝึกเพื่อพัฒนาทักษะของเรานั้นสามารถทำได้หลายวิธี เราสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่อยู่รอบตัวเราได้ แต่การศึกษาภาษาต่างประเทศนั้นเป็นการศึกษาที่ค่อยเป็นค่อยไป อย่าหักโหมจนเกินไป เราจะต้องหมั่นฝึกอย่างต่อเนื่อง ฝึกวันละนิดแต่ต้องสม่ำเสมอ สิ่งที่ทำให้เด็กไทยอ่อนทางด้านภาษา อาจจะเกิดจากการที่เราไม่ได้อยู่ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่พูดภาษาอังกฤษกัน จึงทำให้เราไม่ค่อยได้ใช้ความรู้หรือได้ฝึกทักษะบ่อยๆ ดังนั้นเราต้องหมั่นฝึกอยู่บ่อยๆและฝึกอย่างสม่ำเสมอ
            สำหรับวิธีที่ดิฉันเลือกในการฝึกทักษะทางภาษาคือ การฝึกภาษาผ่านเพลง เพราะเป็นวิธีที่สะดวกและง่าย สามารถฝึกได้ทุกวันและทุกเวลา ดิฉันฝึกโดยการหาเพลงที่ตนเองชอบนั้นคือเพลง Never say never  จากนั้นหาเนื้อหาเพลงมาดู อ่านทั้งเนื้อเพลงและคำแปลเพื่อทำความเข้าใจความหมายของเพลงและได้ศัพท์ด้วย จากนั้นก็ฝึกร้องตาม เปิดฟังซ้ำๆ ฟังบ่อยๆ และพยายามร้องตาม หลังจากที่ทำอย่างนี้ได้สัก 4-5 วัน ทำให้ดิฉันจำเนื้อเพลงได้เองอาจจะไม่หมดทุกคำ แต่มันก็ทำให้ดิฉันจำได้ นอกจากจะจำเนื้อเพลงได้แล้วยังทำให้ดิฉันจำคำศัพท์ได้โดยไม่ต้องท่องอีกด้วย มันเป็นวิธีที่คุ้มค่ามากเพราะได้ทั้งคำศัพท์แล้วที่ยังได้ฝึกทักษะการฟังอีกด้วย เพลงที่ดิฉันเลือกมานั้นจะเกี่ยวกับการต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆที่เข้ามาในชีวิต ห้ามพูดคำว่าไม่ เราต้องลุกขึ้นสู้กับมัน ห้ามพูดคำว่าไม่ เพราะเราสามารถผ่านสิ่งต่างๆได้อย่างเหลือเชื่อ

            การฝึกทักษะภาษาอังกฤษนอกห้องเรียนสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของเราว่าเราต้องการฝึกทักษะด้านใด เฉกเช่นการฝึกทักษะครั้งนี้ข้องดิฉันเป็นการฝึกทักษะการฟัง ทักษะการฟังไม่สามารถพัฒนาขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ทำซ้ำๆอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ระยะเวลาในการฟังแต่ละครั้งอาจจะไม่นานมากแต่เน้นฝึกบ่อยๆ จะได้ผลดีกว่าการฟังครั้งหนึ่งเป็นชั่วโมงแต่ฝึกแค่สัปดาห์ละครั้ง หากใครรู้สึกว่าทักษะของตัวเองเริ่มพัฒนาขึ้นแล้ว เราก็สามารถหาเพลงใหม่ๆและอาจจะไม่ต้องดูเนื้อหาก่อน เราอาจจะใช้วิธีการฝึกฟังแล้วแปลความและหมายทันทีหลังจากที่ได้ฟัง หากครั้งแรกยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็อาจจะเปิดฟังซ้ำๆและพยายามนึกความหมายของคำศัพท์ และความหมายของเพลงให้ได้ จากนั้นเราก็ต้องมาดูภาพรวมของเพลงว่าต้องการสื่อถึงอะไรการศึกษาภาษาอังกฤษผ่านเพลง ทำให้เรารู้สึกสนุก ไม่เบื่อ เพราะสามารถเลือกเองได้ว่าต้องการศึกษาเพลงอะไร ช่วงที่เราฝึกแรกๆเราอาจจะเลือกที่มีคำศัพท์ง่ายๆไม่ยากจนเกินไปสำหรับเรา แล้วค่อยๆปรับระดับเพลงไปเรื่อยๆ

            การฝึกฝนทักษะแต่ละด้านของแต่นั้นย่อมมีความแตกต่างกัน เพราะเรามีพื้นฐานความรู้หรือทักษะเดิมที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีในการฝึก แต่สำหรับบางคนอาจจะใช้ระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องมีความพยายามและฝึกฝนบ่อยๆ ต้องหมั่นหาโอกาสให้ตนเองได้ฝึกฝนบ่อยๆ การเรียนภาษาไม่มีทางลัดที่จะทำให้เราเก่งได้ มีแต่การฝึกฝนเท่านั้นที่จะทำให้เราเก่งขึ้นได้ หากเราพยายามฝึกฝนอย่างสุดความสามารถ เราจะกลายเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านภาษาและสามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกฝนทักษะการฟังของดิฉันในครั้งนี้ทำให้ดิฉันฟังภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น และสามารถจับประเด็นใจความสำคัญที่ตนเองฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น