วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log 15 การอบรมภาคเช้า 30/10/58

Learning log 15
(นอกห้องเรียน)
            สำหรับการศึกษานอกชั้นเรียนครั้งนี้ก็ยังคงเป็นความรู้ที่ได้รับมาจากการเข้าอบรมในโครงการเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ในครั้งนี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่21 ซึ่งถือเป็นศตวรรษแห่งเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก นอกจากเรื่องเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าแล้วนั้น ยังเป็นยุคที่การเรียนสามารถเข้าถึงทุกคนได้อย่างว่องไวและทั่วถึง เราสามารถเรียนได้จากหลากหลายทาง แต่มิได้หมายความว่าจะสามารถมาแทนที่ครูได้ ครูก็ยังถือเป็นผู้สอนที่ให้ความรู้แก่เด็กเหมือนเดิม แต่ครูอาจจะต้องใช้วิธีการสอนแบบบูรณาการเพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้อย่างรอบด้านและเท่าทันกับโลกปัจจุบัน
            วิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่21นั้นมีวิธีการที่หลากหลายมาก ครูจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และใช้วิธีการสอนได้ทุกรูปแบบ เพื่อที่ว่าครูจะได้เลือกวิธีการสอนได้อย่างเหมาะสมแก่เด็กแต่ละคน หรือห้องเรียนแต่ละห้องได้ ซึ่งวิธีการสอนสามารถแบ่งออกเป็น 4 แนว แนวการสอนที่1คือวิธีการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นกฎเกณฑ์ของภาษาซึ่งมีทั้งหมด3วิธีสอนด้วยกัน วิธีที่1 คือวิธีสอนแบบไวยากรณ์และแปล เป็นวิธีการสอนที่ไม่เน้นการฟังและการพูด แต่เน้นการเรียนไวยากรณ์และการแปล เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านบทอ่านได้เข้าใจและเห็นคุณค่าของคำประพันธ์ภาษาต่างประเทศ เน้นการท่องจำ และความถูกต้องในการใช้ภาษา

            วิธีที่2 คือวิธีสอนแบบตรง เป็นการสอนเพื่อให้ผู้เรียนได้สื่อสารด้วยภาษาที่เรียนมาและเพื่อให้ประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้นควรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการที่จะคิดเป็นภาษาที่เรียนด้วย มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้ เริ่มจากการสอนระบบเสียง ให้ผู้เรียนฝึกเลียนแบบเสียงและแยกเสียงให้ถูกต้อง แล้วจึงให้ผู้เรียนฝึกฟังความหมายในประโยค เช่น ประโยคคำถาม-คำตอบ บทสนทนาสั้นๆ
            วิธีที่3 คือวิธีสอนแบบฟัง-พูด เป็นการเรียนภาษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ภาษาที่เจ้าของภาษาใช้พูดกันในชีวิตประจำวัน จึงมีการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาด้วยภาษาพูด โดยยังไม่ให้ผู้เรียนเห็นรูปแบบของภาษา ผู้เรียนจะต้องเลียนแบบเสียงของผู้สอนจนสามารถฟังเข้าใจ เน้นการท่องจำบทสนทนาแล้วจึงเริ่มฝึกอ่านและเขียน
                แนวการสอนแบบถัดมาคือแนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นการปฏิสัมพันธ์มีทั้งหมด 7 วิธีสอน วิธีที่1 คือวิธีสอนแบบเงียบ เป็นวิธีที่เน้นความรู้ความเข้าใจ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้ผู้เรียนคิดเอง ผู้สอนจะพูน้อยที่สุดและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พูด การแก้ปัญหาเป็นส่วนสำคัญของการเรียนรู้ ผู้สอนเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิด ความเข้าใจที่จะค้นพบกฎเกณฑ์ทางภาษาด้วยตนเองและจากเพื่อนๆมากกว่าการจดจำ
                วิธีสอนที่2 คือวิธีสอนตามแนวธรรมชาติ เป็นแนวการสอนที่เลียนแบบการรับรู้ภาษาที่หนึ่งของเด็กเล็ก ซึ่งเป็นการรับรู้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยไม่มีใครสอน เป็นวิธีที่พัฒนาทักษะทางด้านภาษาเพื่อการสื่อสารกับเจ้าของภาษาโดยที่ยังให้ความสำคัญของความถูกต้องในการใช้ไวยากรณ์ โดยใช้วิธีตรวจแก้ไขไปเรื่อยๆ และระยะยาวผู้เรียนจะสามารถใช้ภาษาในการสื่อสารได้ตามหลักไวยากรณ์
            วิธีสอนที่3 คือวิธีสอนแบบชักชวน เป็นวิธีสอนที่ผู้สอนต้องโน้มน้าวให้ผู้เรียนได้ใช้พลังสมองของตนอย่างเต็มที่ โดยขจัดความกลัว ความวิตกกังวล และข้อห้ามต่างๆที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนภาษา ควรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยความสนุกสนาน ผ่อนคลายทางจิต กิจกรรมทางภาษาที่เน้นการสื่อสาร เน้นสภาพแวดล้อมที่เป็นจริงในการใช้ภาษา
            วิธีสอนที่4 วิธีสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง เป็นวิธีสอนที่มีความเชื่อว่าทุกคนหากได้รับการฝึกฝนบ่อยๆอย่างต่อเนื่องแล้วนั้นจะทำให้เกิดการเก็บสะสมประสบการณ์ต่างๆ และสามารถระลึกและถ่ายทอดออกมาได้ การจำเกิดจากการฝึกท่องจำหรือแสดงท่าทาง มุ่งพัฒนาความเข้าใจในการฟัง ในช่วงต้นของการเรียนรู้โดยการแสดงท่าทาง ใช้คำสั่ง เป็นหลักในการสอน
            วิธีสอนที่5 คือการเรียนรู้แบบร่วมมือ ซึ่งเป็นการเรียนการสอนที่แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมกันเพื่อให้ตนเองและสมาชิกทุกคนในกลุ่มประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะประชาธิปไตย
            วิธีสอนที่6 คือการเรียนรู้แบบเน้นภาระงาน เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ใช้ภาระงานเป็นหลัก โดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการเรียนการสอน โดยภาระงานที่นำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้ภาษาในการปฏิบัติภาระงานนั้นให้สำเร็จ ต้องวิเคราะห์ จัดประเภท จัดลำดับ และพิจารณาความยากง่ายเพื่อให้เหมาะกับผู้เรียน
                วิธีสอนที่7 คือการเรียนรู้จากการทำโครงงาน โครงงานเป็นวิธีการสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การทำโครงงานต้องเริ่มต้นจากผู้เรียนเป็นผู้คิด ลงมือปฏิบัติ หาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีผู้สอนคอยแนะนำช่วยเหลือ กระต้น
            แนวการสอนถัดมาคือ แนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นความเหมาะสมในการใช้ภาษามีทั้งหมด 2 วิธี วิธีแรกคือ แนวการสอนภาษาแบบกำหนดสถานการณ์ เป็นวิธีที่เน้นตัวผู้เรียน ผู้สอนหรือผู้เรียนเลือกสถานการณ์นั้นมาจัดสอน ตามวัตถุประสงค์ของผู้เรียนหรือของบทเรียน
            วิธีที่2 คือแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร เป็นการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ซึ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จัดลำดับการเรียนรู้เป็นขั้นตอนตามกระบวนการใช้ความคิดของผู้เรียน โดยเริ่มจากการฟังไปสู่การพูด การอ่าน การจับใจความสำคัญ ทำความเข้าใจ จดจำ แล้วนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้
            สำหรับแนวทางสุดท้ายคือ แนวการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการเนื้อหาและภาษามีวิธีการสอนทั้งหมด2วิธี วิธีที่1 คือการสอนที่เน้นสาระการเรียนรู้ เป็นการสอนภาษาที่นำเนื้อหาวิชาต่างๆมาบูรณาการกับจุดหมายของการสอนภาษา การคัดเลือกเนื้อหาถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะเนื้อหาที่คัดเลือกมาจะต้องเอื้อต่อการบูรณาการการสอนภาษาทั้ง4ทักษะ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ สามารถตีความ ประมวลข้อมูลของเรื่อง และพัฒนาการเขียนเชิงวิชาการได้
            วิธีที่2 คือการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ เป็นกลวิธีการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ใช้วิธีการตั้งคำถาม และกระบวนการแก้ปัญหา เป็นตัวนำกระบวนการแสวงหาความรู้และทักษะโดยไม่ยึดติดโครงสร้างของสาขาวิชาต่างๆเข้าด้วยกัน เป็นการส่งเสริมให้มีการขยายโลกทัศน์และวิสัยทัศน์ให้กว้างขึ้น ตอบสนองความสามารถทางพหุปัญญาของผู้เรียน และตอบสนองต่อความสามารถที่จะแสดงออกทางอารมณ์ นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนเข้ากับชีวิตจริงและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองได้จนเกิดการเรียนรู้ที่มีความหมายขึ้น

                วิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่21มีหลากหลายวิธีมาก ซึ่งแต่ละวิธีนั้นย่อมมีความแตกต่างกัน ผู้สอนจะต้องมีความรู้และมีทักษะในการใช้วิธีสอนแต่ละวิธีนั้นซึ่งผู้สอนจะต้องมีการคัดเลือกวิธีที่จะสอนผู้เรียนให้ความเหมาะสมกับความสามารถของผู้เรียนหรือความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละห้องได้ วิธีการสอนทุกวิธีนั้นย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้สอนที่จะต้องสรรหาวิธีที่จะสอนลูกศิษย์ของตนให้บรรลุตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ และประสบความสำเร็จในการเรียนภาษา การเข้าอบรมในครั้งนี้ทำให้ดิฉันทราบถึงวิธีการสอนแต่ละวิธี และได้รู้ถึงความแตกต่างของระหว่างข้อดีและข้อเสียของวิธีการสอนแต่ละชนิด วิธีการสอนที่ดีที่สุดคือการสอนแบบบูรณาการวิธีการสอนเข้าด้วยกัน เนื่องจากเด็กแต่ละคนย่อมมีพื้นฐานความรู้หรือมีทักษะมนการเรียนรู้ที่แตกต่างกันออกไป ผู้สอนจึงจำเป็นที่จะต้องสอนเด็กแบบบูรณาการ เพื่อให้เด็กทุกคนสามารถใช้ความรู้ ความสามารถที่ตนเองมีในการเรียนภาษา และก่อให้เกิดความสำเร็จแก่ลูกศิษย์ทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น